วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

กังฟู - มาสเตอร์ด้านงานพิเศษ/ตอนที่ 1


(ณ ตัวเมือง)

มาโคโตะ: เฮ้อ แหม อากาศช่วงปลายฤดูร้อนนี่มันโหดจังเลยนะ ผมชักจะเพลียหน้าร้อนขึ้นมาซะแล้วสิ... (夏バテ อาการอ่อนเพลียในหน้าร้อน ทำให้รู้สึกไม่อยากทำอะไร ความอยากอาหารลดลง)

อันสึจังกับฮิดากะคุย ดูท่าทางเย็นสบายอยู่ตลอดเวลาเลย น่าอิจฉาจังนะ?


โฮคุโตะ: หืม อันสึเป็นยังไงไม่รู้หรอกนะ แต่ใช่ว่าฉันเองจะรู้สึกร้อนไม่เป็นสักหน่อย แค่เหงื่อออกยากเท่านั้นเอง เพราะเป็นพวกที่ร่างกายไวต่อความเย็นน่ะ

เพราะอุณหภูมิร่างกายต่ำหรือเปล่านะ ทำให้เจ้าอาเคโฮชิถึงชอบโผเข้ามากอด พลางบอก "เย็นสบายจัง~" แบบไม่มีความเกรงใจไม่เว้นแม้แต่ตอนเรียน น่ารำคาญมากเลย


มาโคโตะ: อะฮะๆ ทั้งสองคนสนิทกันจังนะ~


โฮคุโตะ: ยูกิกับอันสึเอง... ถ้าทนร้อนไม่ไหวล่ะก็ มาจับมือฉันไว้ก็ได้นะ ถ้าตัวเย็นๆ ของฉันมันทำประโยชน์ให้ได้ก็ดีแล้ว

แต่ยิ่งเกาะติด จะยิ่งร้อนมากกว่าเดิมแทนหรือเปล่านะ?

แต่ว่า ช่วงเทอมแรกก็มีแต่เรื่องการปฏิวัติบ้างล่ะ ดรีมเฟสบ้างล่ะ รู้สึกไม่ได้พักหายใจหายคอเลยก็จริง แต่พอขึ้นเทอมใหม่แล้วสงบสุขยิ่งขึ้น กลับจะทำให้ประมาทแทนนะ

จะมัวปล่อยเนื้อปล่อยตัว เพลินกับวันหยุดฤดูร้อนไม่ได้สินะ ต้องมุ่งมั่นตั้งใจเข้าไว้


มาโคโตะ: ฮิดากะคุงเนี่ยจริงจังจังเลยนะ แต่ผมชอบบรรยากาศสงบสุขแบบนี้มากกว่า...

ถ้าได้สร้างความสนิทสนมอย่างสบายใจกับทุกคนตลอดไปก็คงดีสิ♪


โฮคุโตะ: จะมัวพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก เปิดเทอมใหม่มาก็มีกำหนดการดรีมเฟสแน่นเอียดแล้ว

ต้องสั่งสมประสบการณ์ ขัดเกลาให้ Trickstar เป็นยูนิตที่กล้าแกร่งให้ได้

เพื่อการนั้นเราถึงได้ฝึกซ้อมอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือไง อย่าสะเพร่าสิ ยูกิ

ปลาไหลแก้อาการเพลียหน้าร้อนได้ดีนะ คุณย่าเคยบอกเอาไว้


มาโคโตะ: อะฮะๆ การซ้อมวันนี้ก็หฤโหดน่าดูเลยนะ วันหยุดแท้ๆ

ถึงทุกคนอาจจะแค่ "ตามน้ำไปแบบสบายๆ" ก็จริง แต่สำหรับผมแค่ตามให้ทันก็เต็มกลืนแล้วล่ะ~?


โฮคุโตะ: เพราะแบบนั้นถึงต้องพยายามตั้งใจโดยไม่ประมาทไงล่ะ อย่าเผลอวางใจจนได้รับบาดเจ็บเชียวล่ะ

อันสึเองก็พูดอะไรสักอย่างกับยูกิที่ชักจะหมดไฟทีสิ เป็นโปรดิวเซอร์ไม่ใช่เหรอ?

...หืม? มองอะไรอยู่น่ะ อันสึ?

นั่นมัน... ในตรอกซอกซอยที่ซับซ้อนขนาดนั้น ยังจะมีร้านอาหารจีนอยู่ด้วยเหรอเนี่ย


มาโคโตะ: อ๋อ ร้านนั้นถึงทำเลจะไม่น่าไว้วางใจก็จริง แต่เห็นว่าทั้งถูกทั้งอร่อยเลยนะ เป็นร้านประเจ้าของเหล่านักเรียนยูเมะโนะซากิเลยล่ะ

นานๆ ทีจะได้ทำตัวเป็นตัวละครสายข้อมูลสักทีนะเนี่ย♪


โฮคุโตะ: หืม... หิวแล้วเหรอ อันสึ? ก็เล่นซ้อมกันตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยนี่นะ

ต้องหาอะไรรองท้องสักหน่อยแล้ว เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปก่อนถึงบ้านเอา


มาโคโตะ: พอดีเลย ไปหาซื้ออะไรกินในร้านนั้นกันเถอะ อย่างพวกซาลาเปางี๋ น่าจะมีพวกของว่างขายอยู่นะ

ส่วนผมมีอาการเพลียหน้าร้อนอยู่ จนอาหารจีนออกจะหนักท้องไปหน่อยก็เถอะ~♪


โฮคุโตะ: หืม "เวรพาอันสึไปส่งบ้าน" ของวันนี้คือยูกินี่นา ก็ตามใจยูกิเถอะ ฉันแค่ตามมาด้วยเฉยๆ

แล้วแต่ยูกิก็แล้วกัน แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของอันสึด้วยนะ


มาคุโตะ: จะว่าไปแล้วถึงจะเพิ่งมาถามเอาป่านนี้ก็เถอะ ฮิดากะคุงไม่ใช่เวรแท้ๆ แต่ทำไมถึงกลับด้วยกันเหรอ?

อ๊ะ แต่ไม่ได้คิดว่า "อยากอยู่กับอันสึจังสองต่อสองจังน้า~" อะไรแบบนั้นหรอกนะ?


โฮคุโตะ: แก้ตัวกับใครอยู่น่ะนั่น?

ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก แค่ต้องซื้อของนิดหน่อย... แถวบ้านฉันไม่ค่อยมีร้านรวงอะไรด้วย ก็เลยว่าจะถือโอกาสซื้อตอนขากลับจากโรงเรียนเฉยๆ น่ะ

สถานีที่ขึ้นบ่อยก็อยู่ใกล้ๆ ด้วย แค่ต้องอ้อมนิดหน่อยเท่านั้นเอง

แถวนี้ เป็นแหล่งรวมร้านค้าที่ใกล้โรงเรียนเราที่สุดแล้วนี่?

ฉันเองก็ไม่ค่อยได้ซื้อของเท่าไหร่ด้วย เลยคิดว่าถ้าได้ความเห็นจากอันสึหรือยูกิบ้างก็คงดีน่ะ...?


มาโคโตะ: อา ฮิดากะคุงดูท่าทางไม่ใช่คนที่จะมาซื้อข้าวซื้อของนี่นะ น่าจะเติมเชื้อเพลิงที่ปั๊มน้ำมันทุกวันมากกว่า (ล้อเค้าเป็นหุ่นยนต์เหรอ5555)


โฮคุโตะ: อะไรน่ะนั่น... หรือฉันควรจะทำตัวให้เหมือนชาวบ้านมากขึ้นกันนะ เดี๋ยวนี้เค้านิยมไอดอลติดดินกันซะด้วยสิ

แต่ก็ ยากจังแฮะ อืม...


มาโคโตะ: อะฮะๆ ถ้าเผลอไปทำให้กังวลอะไรเข้าก็ขอโทษนะ ฮิดากะคุงช่วงนี้ให้ความรู้สึกอ่อนโยนขึ้นกว่าครั้งแรกที่เจอกันมากเลยนะ~?

ก็เมื่อก่อน เหมือนเป็นหุ่นยนต์จริงๆเลยนี่นา♪


โฮคุโตะ: ยูกิเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง เป็นๆเหมือนกันทั้งคู่นั่นล่ะ แต่ช่วงนี้ก็พยายามแสดงอารมณ์อย่างคนทั่วไปมากขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ

ก็ก่อนหน้านี้ โดนฝาแฝดจากชมรมดนตรีติเรื่องนั้นจนต้องฝึกพิเศษเอาเป็นเอาตายเลยนี่นา

ไม่อยากจะสัมผัสนรกแบบนั้นอีกแล้ว แล้วฉันเองก็อยากมีคาแรกเตอร์สดใสร่าเริงให้ผู้คนรักใคร่ด้วย


มาโคโตะ: ยอมรับเรื่องความพยายามเลยล่ะฮิดากะคุง ฟังแล้วตื้นตันจนน้ำตาจะไหลเลย...

การฝึกพิเศษนั่นโหดหินสุดๆไปเลยนี่นา ผมเองถ้าเอาแต่บ่นว่าเพลียหน้าร้อน แล้วอู้ไม่กินหรือฝึกซ้อมเยอะๆล่ะก็ เดี๋ยวโดนโอกามิคุงโกรธเอาแน่


โฮคุโตะ: หึๆ เป็นแผลใจกันทั้งคู่เลยนะ...

แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีน่าดู ถึงจะไม่ขอมีรอบสองแล้วก็เถอะ


มาโคโตะ: จะว่าไปแล้ว ของที่ฮิดากะคุงจะซื้อนี่อะไรล่ะ? ให้ผมใช้โทรศัพท์ค้นหาร้านให้ไหม?

ผมถนัดเรื่องคำนวนต้นทุนนะ ข้อมูลของลดราคาเองก็มีหมดเลย♪


โฮคุโตะ: เปล่าหรอก ก็ไม่ใช่ของใหญ่โตอะไรขนาดนัน้... ถ้าเป็นไปได้ อยากได้คำแนะนำจากอันสึมากกว่ายูกิน่ะ

เพราะมันเป็น ของขวัญที่จะให้ผู้หญิงด้วย


มาโคโตะ: เอ๊ะ อะไรนะ? หวา ฤดูใบไม้ผลิของฮิดากะคุงจะเบ่งบานแล้วเหรอ?

ดีจังเลยน้า ฮิดากะคุงนี่วัยรุ่นดีจริงๆเลย...♪


โฮคุโตะ: เปล่า ไม่ใช่ในเชิงนั้นสักหน่อย อันสึเองก็อย่าเพิ่งเข้าใจผิดล่ะ...

พอดีใกล้จะถึงวันเกิดของคุณย่าแล้ว ก็เลยอยากจะให้ของขวัญท่านน่ะ


มาโคโตะ: เฉลยเร็วจังล่ะ ฮิดากะคุง!?


โฮคุโตะ: คุณย่ากับอันสึช่วงอายุต่างกัน ความชอบก็อาจจะต่างกันด้วยก็จริง...

แต่ฉันค่อนข้างหัวทึบในด้านนี้ ก็เลยอยากได้คำแนะนำน่ะ


มาโคโตะ: งี้นี่เอง~ งั้นไปหาซื้ออะไรกินแล้วตะลอนเดินดูกันดีไหม?

แต่ถ้าอันสึจังมีธุระอื่นอยู่ล่ะก็ เดี๋ยวผมพาไปส่งบ้านให้ก่อนนะ...?

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ก่อกบฎ! การเสด็จกลับของราชา - Epilogue 4 (จบ)

 

(ณ เวทีจั๊จเมนท์)

สึคาสะ: .........


เลโอ: เพราะงั้น ถ้าพวกนายชนะใน [จั๊จเมนท์] นี้ได้ ฉันก็จะจากไปแต่โดยดี

กะว่าจะไปท่องเที่ยวแบบไร้หลักแหล่งอีกน่ะ อย่างประเทศที่ห่างไกล ที่ไม่มีใครรู้จักฉัน

แต่สุดท้ายก็ยังคาใจเรื่องของพวกนายอยู่ดี ก็เลยมาแวะเวียนหาเฉยๆ

แต่ว่า ดูเหมือนจะไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงแล้วสินะ...♪

ถ้าเอาชนะแม้แต่ฉันไม่ได้ล่ะก็ Knights ที่เป็นแบบนั้นก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว อยู่ไปก็มีแต่จะอับอายขายขี้หน้า เหมือนฉันเมื่อสมัยก่อน

ก็เลยว่าจะบดขยี้ แล้วยุบทิ้งซะเลยก็จริง

แต่เหมือนว่า ฉันจะไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นแล้วสินะ

Knights เป็นของพวกนายแล้วล่ะ ที่เหลือจะทำอะไรก็ตามใจเถอะ

นั่นเป็นคำสั่งสุดท้ายจาก "ราชา" ผู้ไร้ความสามารถและเห็นแก่ตัวไงล่ะ

ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว [จั๊จเมนท์] ก็เป็นพิธีแบบนั้นนั่นล่ะ


สึคาสะ: ไม่ครับ Leader อย่าเอาแต่พูดจาเอาแต่ใจสิครับ

จูงจมูกพวกเราเป็นว่าเล่น แล้วมาพูดปิดท้ายว่า "ได้มีความทรงจำดีๆ แล้วล่ะ" อะไรแบบนั้น...

ไม่ยอมให้ยิ้มเหมือนบรรลุอะไรได้สักอย่าง แล้วก็หนีหายไปหรอกนะครับ ผมยังมีเรื่องอยากให้คุณช่วยสอนอยู่อีกเป็นภูเขาเลากาเลยนะ

ยังมี "อาวุธ" ... "ทักษะ" และแนวทางของ Knights ที่ยังอยากได้รับจากคุณอยู่นะครับ

จะขอรับสืบทอด อย่างไม่ให้มีตกหล่นไปแม้แต่นิดเดียวเลย

แม้ผมจะยังไม่รู้จักคุณเลยแม้แต่นิดเดียวก็จริง แต่เพราะผมเองก็เป็น Knights คนหนึ่ง

ดังนั้นแล้วจะขอรับฟังตำนานความกล้าหาญของราชาของผองเรา อันเคยเลื่องชื่อลือชาได้หรือไม่ครับ?

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงี่เง่าแบบใด แต่นั่นจะกลายเป็นความภาคภูมิใจของผมอย่างแน่นอน


เลโอ: อือ~... ไม่มีเรื่องอะไรน่าสนใจหรอกนะ ส่วนเรื่องงี่เง่า ก็มีแต่เรื่องที่แพ้แบบงี่เง่าแล้วก็หนีมาแบบงี่เง่าเท่านั้นเอง

แต่ว่า ถ้าสนใจล่ะก็ไว้จะเล่าให้ฟังก็ได้

ฉันเอง... ก็สนใจใคร่รู้เหมือนกันว่าระหว่างที่ตัวเองไม่อยู่ พวกนายได้ถักทอเรื่องราวแบบไหนมาบ้าง

เพราะว่าพวกนายทุกคน เหมือนเป็นลูกๆ ของฉันนี่นา

แล้วก็ ผลแพ้ชนะของ [จั๊จเมนท์] ยังไม่ได้ถูกตัดสิน

ถึงจะพูดอะไรไปตอนนี้ ก็เป็นแค่เสียงนกเสียงกาเท่านั้นล่ะ!

จะไร้ความหมายเกินไปแล้ว วะฮ่าฮ่าฮ่า

มาทำเรื่องที่มันมีความหมายกันดีกว่า! ก็เป็นมนุษย์นี่นา ไหนๆ ก็อุตส่าห์เกิดมาแล้วทั้งทีนี่นา...

เอ้าๆ การเกริ่นนำจบเท่านี้!

มาตัดสินกันดีกว่า... ไม่สิ มาเล่นกันให้หนำใจกันเลยดีกว่า เจ้าเด็กใหม่♪


สึคาสะ: ครับ Leader... ขอยืนยันเพื่อความแน่ใจอีกรอบนะครับ คุณบอกไว้ว่าถ้าหากผมชนะ จะยอมรับฟังทุกอย่างที่พูดสินะ?

ป่าวนี้แล้ว ไม่ยอมให้คืนคำหรอกนะครับ?

ตอนนี้ผม ยังเป็นแค่คนอ่อนหัดอยู่ ถึงจะดวลตัวต่อตัวกับคุณไป ก็ไม่รู้สึกว่าจะชนะได้เลยครับ

แต่ก็จะขอทุ่มสุดกำลังเลยครับ จะก่อให้เกิดปาฏิหาริย์อะไรก็ตามขึ้น แล้วเอาชนะคุณให้ได้

จะเข้าท้าทายอย่างสุดกำลัง อย่างสุภาพบุรุษเลยครับ ดังนั้นแล้ว คุณเองก็กรุณาทำตามมารยาทด้วย

โปรดรักษาสัญญาด้วยนะครับ ขอเพียงการกล้ำกลืนคำที่เคยได้พูดออกมาเท่านั้น ที่อย่าทำเชียวนะครับ



สึคาสะ: ถ้าหาก ผมชนะล่ะก็... ก่อนอื่น ขอให้เรียกด้วยนามของผม ไม่ใช่ "เจ้าเด็กใหม่" ด้วยนะครับ

มาเริ่มจากการแนะนำตัวเองกันเถิด ราชาแห่งผองเรา Knights ที่เสด็จกลับมาเอ๋ย

Repeat after me...... นามของผมคือ สุโอ สึคาสะครับ

ได้โปรด จดจำเอาไว้เผื่อภายภาคหน้าด้วย♪

ก่อกบฎ! การเสด็จกลับของราชา - Epilogue 3

 

(ณ เวทีจั๊จเมนท์)

สึคาสะ: (อา......)

(ชั่วพริบตาที่ได้มายืนบน Stage ไม่ว่ากี่ครั้งก็ทำเอาเกร็งไปทั้งตัวตลอดเลย ราวกับจะชาไปจนถึงปลายนิ้ว)

(ถ้าหากว่าทำพลาดล่ะ ถ้าหากว่าดันเผยให้เห็นสภาพน่าอดสูล่ะ... ไม่สบายใจ เสียจนอยากจะวิ่งหนีไป)

(แต่ว่า มันก็มีความยินดีอยู่เหนือความรู้สึกพวกนั้นอยู่ ใช้ดาบฝ่าทะลวงปีศาจที่มีชื่อน่ารังเกียจว่าความทุกข์และความหวาดกลัว พิชิตมันให้ได้และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น)

(การตระหนักเช่นนั้น ทำให้ผมยังยืนหยัดอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้ไม่ว่าเมื่อไรก็ตาม)

(และยังมีเหล่าผู้ชม ที่รอคอยการร้อง การเต้นและ Performance ของพวกเรา ด้วยรอยยิ้มอยู่)

(จะหนีไปไม่ได้สินะ ถึงแม้จะเป็นการต่อสู้ที่ไม่มีโอกาสชนะก็ตาม)

(เพื่อที่จะรับโอกาสชนะหนึ่งในหมื่น ไม่สิ แม้ผลลัพธ์จะเป็นการที่ต้องล้มลุกคลุกคลานอย่างน่าสังเวชก็ตาม...)

(แต่เพื่อทุกท่านที่อุตส่าห์มาชมพวกเรา ได้มีช่วงเวลาอันแสนสุขแม้เพียงนิด)

(กระผม สุโอ สึคาสะ... แม้จะยังอ่อนหัดอยู่บ้าง แต่จะขอยืนหยัดในสนามรบล่ะนะครับ)

(ไปล่ะนะครับ โปรดเฝ้ามองดูด้วยนะ โอเน่ซามะ)


เลโอ: ยะโฮ่~ เจ้าเด็กใหม่ ใบหน้าดูดีขึ้นมาหน่อยแล้วนี่

ตอนที่เจอครั้งแรก... ให้อารมณ์เหมือนเป็นคุณหนูที่ถูกเลี้ยงดูฟูมฟักมาอย่างไข่ในหินแท้ๆ

อะไรเนี่ยเจ้านี่ ท่าทางอ่อนปวกเปียกจังนะ~? แค่แตะก็น่าจะซี้แหงแก๋แล้วหรือเปล่า เป็นเจ้าหญิงมากกว่าอัศวินซะล่ะมั้ง?

อะไรเทือกนั่นน่ะ~ แต่เป็นห่วงจริงๆ นะเนี่ย!

วะฮ่าฮ่าฮ่าขอยอมรับเลย นายเองก็เป็น Knights เหมือนกัน! เป็นอัษวินผู้ทรงเกียรติ ถึงจะเป็นแค่ลูกเจี๊ยบก็เหอะ

กล้าขึ้นมาบนเวทีโดยไม่หนีสินะ ทั้งที่ไม่เหลือใครเป็นพวกแล้วแท้ๆ?

ทั้งริสสึ ทั้งเซนะทั้งนารุ... ก็ล้มหายไปหมดแล้ว ถึงจะสู้อย่างสุดกำลัง แต่ก็หมดคิวซะแล้ว

ถึงทางฝั่งนี้นอกจากฉันเองก็ไปกันหมดแล้วเหมือนกันก็เถอะ แต่ว่า พวก "ไนท์คิลเลอร์" ก็อุตส่าห์มาช่วยให้ความร่วมมือด้วยความหวังดีทั้งที่นี่นะ

จะไปขอร้อง ให้เดิมพันด้วยชีวิตก็คงไม่ได้ล่ะเนอะ?

หรือบางทีพวกนั้นอาจจะช่วยสร้างสถานการณ์ให้พวกเราเผชิญหน้ากันก็ได้นะ ก็มีแต่พวกใจดีทั้งนั้นเลยนี่นา พวกคนของโรงเรียนยูเมะโนะซากิน่ะ

ในวงการบันเทิงที่มีแต่การชิงดีชิงเด่นกัน เป็นแบบนั้นมันจะดีแล้วหรือเปล่านะ?

แต่ก็ช่างเถอะ! ยังไงฉันก็ชอบคนแบบนั้นที่สุดอยู่แล้วนี่นา!

รักเลยล่ะ วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...

มนุษย์นี่ดีจังนะ ถึงจะถูกผูกมัดเอาไว้ด้วยของไร้สาระอย่างคณิตศาสตร์หรือกำแพงอะไรก็เถอะ!

พวกแบบนั้นน่ะเห็นมาจนเอียนแล้ว ทั้งน่าเบื่อจนรังเกียจขึ้นมาเลย

แต่พวกงี่เง่าที่อยู่ในโรงเรียนยูเมะโนะซากิตอนนี้ ต่างพากันขับขานความเป็นวัยรุ่นกันอย่างอิสระเสรีเต็มที่เลย! ดีจริงๆ ที่กลับมา นี่เป็นใจจริงเลยล่ะ!

อา น่าจะเขียนเพลงเลื่องชื่อได้เยอะแยะเลย


สึคาสะ: Leader... นี่คุณคำนวนเอาไว้ถึงขนาดไหนกันครับ?

ตั้งแต่แรกแล้ว [จั๊จเมนท์] นี้น่ะ...

คือการทะเลาะวิวาทของผมกับคุณ เป็นรูปแบบที่คุณใช้ในการเผชิญหน้าต่อผม ที่ไม่พอใจต่อ "วิธีการ" ของคุณ

พอลองมองดูสุดท้ายก็เป็นแบบนี้... เป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างผมกับคุณไปแล้ว นั่นล่ะองค์ประกอบของการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้ ที่ถูกดัดแปลงอย่างง่ายให้มันสุดขั้ว

คาดการณ์เอาไว้หมดเลยเหรอครับ? เพื่อช่วงเวลานี้ เพื่อที่จะแสดงฉากปิดม่านนี้...

ถึงได้รวบรวมพวกพ้องที่จำเป็น วางตัวหมาก และตระเตรียมทุกสิ่งให้พร้อมเสร็จสรรพอย่างนั้นเหรอครับ?

แม้แต่ [จั๊จเมนท์] นี้เอง ก็มีไว้เพื่อสร้างตอนจบแบบนี้...

คุณน่ะ ดูเหมือนจะส่งสมาชิก Knight Killers ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งคอยสนับสนุน "อาวุธ" ให้ ก็เพื่อควบคุมทิศทางของสนามรบโดยสมบูรณ์ และชี้นำให้แบบนี้ใช่ไหมล่ะครับ?

ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบ อยู่บนฝ่ามือของคุณมาโดยตลอดเลยงั้นเหรอครับ? ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็...

ผม จะตื้นตันอย่างยิ่งเลยล่ะครับ แต่ยังไม่ถึงขนาดเหล่าเซ็มไปหรอกนะ?


เลโอ: ...ยอกันเกินไปแล้ว เจ้าเด็กใหม่ ฉันน่ะ ไม่ใช่เทพเจ้าที่ล่วงรู้ทุกสิ่งได้สักหน่อย

แน่นอนว่าถึงจะเป็นยอดอัจฉริยะที่ได้รับความรักจากพระเจ้าก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่ "ตัวเทพเจ้าเอง" นี่นะ

เมื่อก่อนน่ะ ฉันดันเข้าใจใน "เรื่องนั้น" ผิดไป

คิดผิดว่าตนเองสามารถทำได้ทุกอย่าง และรู้ได้ทุกเรื่อง

เอาแต่ทำในสิ่งที่อยากทำ จนทำให้คนมากมายต้องเจ็บปวด

พอก่อความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขได้ จนในที่สุดก็รู้สึกตัวก็จริง แต่มันก็สายเกินไปมากแล้วล่ะ

พอสูญเสียทุกสิ่ง ฉันก็เลยวิ่งหนีจากภาระหน้าที่ความรับผิดชอบไปแล้วครั้งนึง อันที่จริง ไม่มีคุณค่าพอที่จะมายืนอยู่ตรงนี้ซะด้วยซ้ำ

ฉันมันเป็นคนที่น่าสมเพช น่าอับอายถึงขนาดนั้นนั่นล่ะ

เป็นแค่ราชาผู้เปลือยเปล่า ที่แม้แต่เรื่องง่ายๆ ที่ขนาดเด็กทารกยังเข้าใจ ก็ยังไม่รู้สึกตัว

ไม่มีค่าพอจะให้อัศวินมารับใช้ หรือถวายความจงรักภักดีให้หรอกนะ

ก่อกบฎ! การเสด็จกลับของราชา - Epilogue 2

 

(ณ เวทีจั๊จเมนท์)

ริทสึ: .........


สึคาสะ: อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ริทสึเซ็มไป

เหล่าเซ็มไปน่ะ ปกติเอาแต่ทำตัวเฉื่อยแฉะ อวดเบ่ง แถมยังไม่น่าคบ...

แต่ก็เพราะมีแต่ชนะตลอดมา ถึงทรนงตนได้ไม่ใช่เหรอครับ?

ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มั่นใจในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม ภาพลักษณ์อันทรงเกียรติที่เต็มไปด้วยความสามารถ... ผมน่ะ หลงไหลเหล่าเซ็มไปที่เป็นเช่นนั้นนะครับ

ดังนั้น ได้โปรดอย่าก้มหน้าลงเหมือนว่าแพ้ไปแล้วแบบนั้นสิครับ

ขอร้องล่ะครับ ริทสึเซ็มไป วันนี้พวกเรา Knights ก็จะชนะอย่างแน่นอนเหมือนกับที่ผ่านๆ มา ใช่ไหมล่ะครับ?


ริทสึ: .........

...งั้นเหรอ พวกเรา ถูกเห็นเป็นแบบนั้นสินะ

ปกติซูจังเอาแต่คอยบ่นจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ตลอด ก็เลยไม่นึกว่าจะเป็นที่หลงไหลอะไรด้วย

งั้นเองเหรอ เป็นแบบนั้นเองสินะ งั้น ในฐานะโอนี่จังแล้ว จะแสดงด้านน่าอายให้เห็นไม่ได้สิเนอะ~...

ต้องตื่นขึ้นมาพยายามแล้วสิ อันสึ ขอดื่มเลือดให้ตื่นตัวหน่อยสิ♪

ให้มันหยดลงมาจากปลายนิ้วเลยสิ จะดื่มให้เหมือนกับอัศวินยามให้สัตย์ว่าจะจงรักภักดีเลยล่ะ


สึคาสะ: เดี๋ยวเถอะ ริทสึเซ็มไป! อย่าใช้ช่องว่างพยายามหาเรื่องดูดเลือดสิครับ น่าเกลียดที่สุด!

ทั้งเลือด เนื้อ กระดูก ทุกอย่างของโอเน่ซามะ ก็เป็นของโอเน่ซามะแค่คนเดียวเท่านั้นครับ!


ริทสึ: เอ๋~... จริงจังเหลือเกินนะ แต่ก็ช่างเถอะ

ยังไงก็สัญญากันไว้แล้วนี่นะว่าเดี๋ยวจะให้ดื่ม~ เกี่ยวก้อยสัญญาน่ะ♪

ซูจังนี่ก็เป็นเด็กประหลาดจริงๆ เลยนะ ในตอนที่มาเข้ากลุ่ม Knights ที่ถึงคราวตกต่ำแล้ว ด้วยสายตาที่เป็นประกายน่ะ...

ทั้งสุภาพเกินเหตุแต่ก็ยังเป็นแค่เด็กกะโปโล คิดเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่พบกันแล้วล่ะนะ ว่าเป็นคนที่น่าสนใจมากเลย

มีแค่ซูจังที่เป็นแบบนั้นเท่านั้น ที่แม้แต่ "ราชา" คนนั้นเองก็ยังไม่รู้จัก

แม้แต่ "ราชา" คนนั้นก็ยังคาดเดาไม่ได้ เป็นความหวังสุดท้าย... เป็น "อาวุธ" ของพวกเรา

ดังนั้นแล้วคราวนี้ ซูจังถึงได้เป็น "ราชา" ไงล่ะ

จริงอยู่ที่ซูจังยังอ่อนหัด ก็ยังเพิ่งปีหนึ่งเองนี่นะ เป็นตัวภาระ

แล้วคิดว่าทำไมพวกเราที่ขี้รำคาญถึงขนาดนั้น ถึงยอมหอบสัมภาระชิ้นเบ้งขนาดนี้มาด้วยกันล่ะ?

นั่นก็คง เพื่อวันนี้นั่นล่ะ ว่าไปนั่น~...♪

ศึกแรกใกล้จะจบลงแล้วสิ

จะชนะหรือแพ้ คนต่อไปที่จะขึ้นมาก็น่าจะเป็น "จักรพรรดิ" เทนโชอิน เอย์จิ... เอ็จจังสินะ

ถึง Knights ทุกคนรวมพลังกัน ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาชนะได้ไหม

แต่ว่า จะต้องชนะแน่ อย่างน้อยก็จะเอาให้เสมอให้ได้ สัญญาเลยล่ะ

ฉันน่ะนะ ถึงจะเป็นพวกทำอะไรแบบขอไปทีก็จริง... แต่มีแค่คำสัญญาเท่านั้นที่ถึงตายก็จะรักษาเอาไว้ให้ได้

จากนั้น สุดท้ายก็จะเป็นการสู้ตัวต่อตัวระหว่างซูจังกับ "ราชา" แล้วล่ะ ชนะให้ได้นะ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงตายอย่างสูญเปล่า

ก้าวข้ามซากศพของพวกเรา แล้วไปคว้าอนาคตมาให้ได้นะ



ริทสึ: ถ้าหากคนที่เหมือนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ไปตลอดกาลอย่างฉัน จะสามารถช่วยในการสร้างอนาคตได้ล่ะก็...

สมดังหวังแล้วล่ะ ถึงจะต้องถูกประกายแสงเจิดจ้าของอนาคตแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไป ก็พอใจแล้ว♪

ไปก่อนน่ะ เดี๋ยวกลับมา


สึคาสะ: คะ ครับ! ริทสึเซ็มไป ขอให้โชคดี!

...ทำไมกันนะครับ โอเน่ซามะ ทั้งที่สถานการณ์เหมือนจะสิ้นหวังแล้วแท้ๆ แต่กลับรู้สึกปลอดโปร่งอย่างประหลาด

ได้รู้จักกับสายสัมพันธ์ร่วมกับพวกพ้อง ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนแล้วล่ะครับ

รู้สึกราวกับว่าพวกเรานั้น วันนี้ เวลานี้ ได้กลายเป็น "Knights" เป็นครั้งแรกเลยล่ะครับ

มุ่งหน้าไปสู่ที่ตาย เข้าโรมรันอย่างองอาจ... ฟาดฟันคมดาบ แล้วเป็นอัศวิน ผู้ทรงเกียรติ

ราชาของพวกเรา Leader น่ะ... กลายไปเป็นศัตรู ก็เพื่อการนี้หรือเปล่านะ? ที่มายั่วยุ ที่รับบทตัวร้าย ก็เพื่อไล่ต้อนพวกเราให้เจอกับความยากลำบากหรือเปล่านะครับ?

ที่เผลอคิดไปเช่นนั้น เป็นเพราะความอ่อนหัดของผมเองหรือเปล่านะครับ...

นี่ โอเน่ซามะ แต่การคิดว่า "ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็คงจะดีนะ" น่ะ มันก็คงไม่ผิดอะไรใช่ไหมครับ?

อ้าว หัวเราะเหรอครับ โอเน่ซามะ

สุดท้ายแล้ว [จั๊จเมนท์] ก็เป็นเพียงแค่ปัญหาภายในน่าอึดอัดใจเท่านั้นเอง คงจะเยาะเย้ยพวกเรา ที่อยู่ในสภาพน่าอับอายใช่ไหมล่ะครับ?

ไม่หรอก โอเน่ซามะน่ะ ไม่ใช่คนที่ไร้หัวจิตหัวใจถึงขนาดนั้นสินะครับ Producer ที่พวกเรารัก และคอยรับใช้น่ะ...

คุณน่ะ ไม่มีวันที่จะหัวเราะเยาะเราอย่างแน่นอน พวกเราน่ะ เอาแต่สนใจแต่เรื่องงี่เง่าไร้สาระ และทุ่มเทแรงใจไปกับมัน...

หลั่งหยาดเหงื่อ เผาไหม้จิตวิญญาณ และมีชีวิตอยู่ คงจะกำลังอวยพรให้ พวกเราที่เป็นเช่นนั้นสินะครับ

อา โอเน่ซามะ นี่คือวัยรุ่นสินะครับ...

คุณเป็นผู้ที่คอยชี้นำ และมอบมันให้พวกเรายังไงล่ะครับ ทั้งมอบความรัก และประดับประดามันด้วยรอยยิ้ม

ขอบพระคุณมากครับ ......ขอ จุมพิตได้หรือเปล่าครับ

มอบความกล้าให้ทีเถอะครับ แก่สุโอ สึคาสะคนนี้

ไม่ได้สินะครับ เฮ้อ... ไม่เป็นไรครับ แค่อยากลองขอดูเฉยๆ

ฮุๆ นานๆ ทีก็แค่อยากจะลองพูดจาเอาแต่ใจอย่างเด็กๆ ดูบ้างน่ะครับ แต่พอได้พูดล้อเล่นแล้ว ก็รู้สึกว่าความตึงเครียดก็คลายลงไปเหมือนกัน♪

แค่ได้เห็น ใบหน้าที่เหมือนจะตกใจแกมเขินอาย...

อันแสนน่ารักและหาชมได้ยากของโอเน่ซามะ ตอนนี้ผมก็พอใจแล้วล่ะครับ♪

วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ก่อกบฎ! การเสด็จกลับของราชา - Epilogue 1

 

(ณ เวทีจั๊จเมนท์)

ริทสึ: ชนะใส ชนะใส♪

...คราวนี้คงจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ล่ะมั้ง~ ท่าจะแย่นิดหน่อยแล้วสิ

สมที่เป็น "ราชา" รู้ไส้รู้พุงพวกเรา Knights หมดเลยนะ?


สึคาสะ: มะ หมายความว่ายังไงเหรอครับ? สถานการณ์การรบไม่สู้ดีเหรอครับ ริทสึเซ็มไป?


ริทสึ: อา~... เพราะคู่ต่อสู้เป็นยูนิตชั่วคราว ทีแรกเลยนึกว่าจะชนะใสก็จริง แต่ก็เป็นเพลงที่ทางเราไม่คุ้นชินด้วยน่ะสิ

ท่าทางจะเป็นศึกหนักเกินคาดเลย แถมคู่ต่อสู้เองก็แกร่งผิดปกติซะด้วยสิ?

ถ้าเป็นพวกเซ็จจังก็ไม่น่าจะแพ้หรอก แต่ไม่มีทางที่จะไร้รอยขีดข่วนแน่

เหมือนโดนเล่นงาน "แบบเดียวกัน" กับที่พวกเรามักจะเป็นฝ่ายทำซะเองเลย


สึคาสะ: ...หรือก็คือ?


ริทสึ: ไพ่ในมือเราโดนเผยออกไปแล้ว โดยการถูกยื้อให้ไลฟ์แบบยืดเยื้อไงล่ะ

เพราะแบบนั้นทำให้ทั้งเพลง ทั้งเพอฟอร์แมนซ์ที่เราเตรียมไว้ ค่อยๆ ถูกเผยไต๋ไปเรื่อยๆ

กลับกันแล้วทางฝั่งศัตรู... ฝั่ง "ไนท์คิลเลอร์" น่ะ มี "ราชา" อยู่

เพลงที่เตรียมเอาไว้ เรียกว่าไร้ขีดจำกัดได้เลย เพราะว่า "ราชา" สามารถแต่งเพลงได้แม้จะเป็นเวลาแบบนี้ไงล่ะ

แน่นอนว่าเพลงที่แต่งขึ้นเฉพาะหน้าโดยที่ยังไม่มีใครเอามาซ้อมนั้น ไม่สามารถนำมาลงสนามในทันทีทันใดได้ก็จริง

แต่ทางฝั่งนั้น มีทรัพยากรบุคคลชั้นเลิศอยู่กันพร้อมหน้าเลย เทคนิกเองก็มีอยู่พรั่งพร้อม...

น่าจะพอใช้การด้นสด ตบตาผู้ชมระหว่างอยู่ในไลฟ์ครั้งนี้ได้ก็ได้?

ยังไงก็คงแสดงเพอฟอร์แมนซ์ ด้วยเพลงที่แต่งขึ้นมาเฉพาะหน้าโดยไม่มีใครทันรู้สึกตัวได้แน่

หรือก็คือ ทางฝั่งนั้นอยู่ในสภาวะที่เติมอาวุธยุทโธปกรณ์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด

แต่ที่เรามี ก็มีแค่เพลงที่ได้รับการสนับสนุนจากโรงเรียนมาแค่นิดเดียว เดี๋ยวกระสุนที่เหลืออยู่ก็หมดไปแล้ว

มันเป็นการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ มาพูดเอาป่านนี้ก็คงสายไปแล้ว

อา~ นี่คือการต่อสู้กับ "ราชา" สินะ... เรียกว่าการกบฎ หรือยึดอำนาจไม่ได้ด้วยซ้ำ

ถ้าใช้แค่อารมณ์ชั่ววูบโดนไม่ได้เตรียมการอะไรเลยล่ะก็ ถึงจะหันดาบใส่ "ราชา" ไป ก็อาจไม่มีโอกาสชนะเลยก็ได้ ถึงแม้ถ้าหากเด็ดหัวของ "ราชา" มาได้ จะเป็นชัยชนะของทางเราก็เถอะ

แต่ว่าแม้แต่การป้องกันเอง ก็แข็งกล้าน่าดูซะด้วย?

ถึงพวกเซ็จจังจะเป็นนักรบผ่านศึก แต่ก็ย่อมมีขีดจำกัด

ต้องวางแผนซะแล้วสิ ยิ่งลากยาวเราก็จะยิ่งเสียเปรียบ ต้องรีบจบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ฮุๆๆ ชักจะสนุกขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ...♪


สึคาสะ: ริทสึเซ็มไปที่ยังหัวเราะได้ในสถานการณ์เช่นนี้ รู้สึกน่าพึ่งพาขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกันครับ...

ถึงจะฟังดูมีลับลมคมในบ้างก็จริง แต่ทุกคนใน Knights ย่อมเปล่งประกายได้ในสนามรบจริงๆ สินะครับ♪

หวา? ขะ ขอโทษครับ โอเน่ซามะ! ห้ามขยับตัวสินะครับ รับทราบแล้วครับ!

อา เพราะการเปลี่ยนชุดใช้เวลานานจนทำให้มาทำความเข้าใจสถานการณ์ไม่ได้เลย ร้อนใจจังเลยครับ...!


ริทสึ: สุดท้ายแล้วชุดก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์สินะ ลงเอยที่ต้องเอานู่นนี่นั่นมาแปะตอนจะขึ้นเวทีแล้วด้วย

ถ้าขาดขึ้นมาก็ไม่มีเวลาซ่อมแล้ว อย่ากระดิกกระเดี้ยวมากแล้วทำร่างกายให้คุ้นชินไว้ดีกว่านะ~...?


สึคาสะ: คะ ครับ! หวา มันจั๊กจี๊นะครับโอเน่ซามะ?


ริทสึ: อะฮะๆ อันสึเองก็เหนื่อยหน่อยนะ อุตส่าห์คอยช่วยเรื่องการซ้อมของพวกเรา แล้วยังทำกระทั่งชุดให้ด้วยอีก

ขยันขันแข็งจังเลยนะ เก่งมากๆ♪

ถ้า "จั๊จเมนท์" ครั้งนี้จบล่ะก็ พักผ่อนหลับให้สนิทยันเช้าไปเลยนะ ถ้านอนไม่เพียงพอล่ะก็ เดี๋ยวเลือดมันจะข้นเอา

ซูจังค่อยๆ เตรียมตัวไปก็ได้ ไม่ว่าพวกเซ็จจังจะชนะหรือแพ้ ฉันจะขึ้นเวทีเป็นคนต่อไปเอง

ซูจังน่ะ รอจนถึงท้ายที่สุดเถอะ รอคอยเอาไว้ ให้สมกับเป็น "ราชา" ของพวกเรา...♪


สึคาสะ: หืม? ก็จริง ที่ทำไมไม่รู้ แต่คราวนี้คนอย่างผมได้เป็นถึง "ราชา" ด้วย...

ถ้าผมแพ้ล่ะก็ จะถือเป็นความพ่ายแพ้ของ Knights การรอจนถึงท้ายที่สุดเอง ก็น่าจะถูกต้องตามหลักกลยุทธ์แล้วก็จริง

แต่จากที่พูดมาเมื่อครู่ ยิ่งยืดเยื้อนานก็จะยิ่งเสียเปรียบไม่ใช่เหรอครับ?

ไม่ใช่ว่าควรจะทุ่มด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ในระหว่างที่ยังมีแรงสู้อยู่หรอกเหรอ?


ริทสึ: ไม่หรอก ถ้าทำแบบนั้น ก็จะเป็นตามที่อีกฝ่ายคิดน่ะสิ

จะอธิบายก็ขี้เกียจ เอาเป็นว่านี่เป็นแผนการที่ทำให้พวกเรามีโอกาสชนะสูงสุดแล้วล่ะ

ถ้ารีบร้อนเข้าไปร่วมวงด้วย ก็จะถูก "ราชา" คอยท่าอยู่ กวาดเรียบทุกคนด้วยหน้ายิ้มแป้นน่ะสิ

ในศึกต่อสู้รอบแรก ผลของไลฟ์ที่พวกเซ็จจังกำลังไลฟ์อยู่...

หลังจากที่ถูกยื้อเวลาไว้นานพอดูแล้ว ก็น่าจะจบด้วยชัยชนะของพวกเซ็จจัง

พอถึงตอนนั้น ไพ่ในมือของพวกเราก็แทบจะไม่เหลือหลอแล้ว ถึงฝั่งเราจะมีจำนวนคนที่เหลือรอดมากกว่าก็ตาม แต่ในด้านกำลังรบที่ใช้ได้จริงแล้วนับว่าเสียเปรียบ

สถานการณ์น่าจะเป็นไปประมาณนั้น สัก 80-90%


สึคาสะ: อืม... นั่นสินะครับ ถ้าเป็นพวกเซนะเซ็มไปล่ะก็ คงไม่มีทางแพ้กะอีแค่ "Unit ชั่วคราว" หรอก จะต้องนำชัยชนะมาได้แน่ครับ♪


ริทสึ: โดยที่ค่อยๆ ถูกปลดอาวุธไปเรื่อยๆ น่ะนะ ถ้าจะทุ่มด้วยกำลังทั้งหมดล่ะก็ ควรจะไปพร้อมกันหมดทุกคนตั้งแต่แรกจะดีกว่า

เป็นความผิดพลาดของฉันเอง ขอโทษนะ... ทั้งที่การวางแผน เป็นหน้าที่ของฉันแท้ๆ

แค่เพราะใช้เทคนิคที่ทำให้ชนะมาตลอด ทำให้ไม่ได้คาดการณ์เลยว่าสถานการณ์จะลงเอยแบบนี้

ทั้งที่คราวนี้คู่ต่อกรมันผิดกับที่ผ่านมาแท้ๆ ทั้งที่ไม่ใช่ [ดูเอล] แต่เป็น [จั๊จเมนท์] แท้ๆ

ทั้งที่เป็นการสู้กับคนที่รู้จักพวกเราดียิ่งกว่าใคร แถมยังคุ้นเคยกับทั้ง [ดูเอล] หรือ [จั๊จเมนท์] ยิ่งกว่าเรา... เป็นการสู้กับลีดเดอร์ของ Knights

สู้กับ "ราชา" คนนั้นแท้ๆ

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ก่อกบฎ! การเสด็จกลับของราชา - สังหารอัศวิน/ตอนที่ 4

 

(ณ เวทีจั๊จเมนท์)

อิซึมิ: นารุคุง ท่าทางเคร่งเครียดจังนะ ปกติเอาแต่ทำตัวสบายใจเฉิบแท้ๆ ♪

ไม่ต้องกดดันขนาดนั้นหรอกน่า ยังไงตัวเอกในครั้งนี้ก็ไม่ใช่พวกเราสักหน่อยนี่นา?

"ราชา" ของพวกเรา Knights ในครั้งนี้น่ะ... คือคาสะคุงนี่นา นี่เป็นการทะเลาะกันระหว่างคาสะคุงกับ "ราชา"

แค่เด็กทะเลาะกันแต่ต้องให้พ่อแม่ออกโรงเองแบบนี้ ก็งี่เง่าจะตายชักแล้ว

แค่ลดจำนวนศัตรูลงจนกว่าจะถึงตาคาสะคุง แค่เปิดทางในสนามรบให้ เท่านั้นก็เยี่ยมแล้วนี่

เพราะสิ่งที่รุ่นพี่ทำให้ได้ มีแค่นั้นนี่นา?


อาราชิ: อิซึมิจังนี่ล่ะก็ อะไรกันเนี่ย? เธอเองก็รู้จักเป็นห่วงคนอื่น ไม่สมเป็นตัวเองเหมือนกันนะ?

แต่ก็ แปลว่าเราสงบจิตสงบใจด้วยกันไม่ได้ทั้งคู่ล่ะเนอะ จริงๆเลย จะกี่ครั้งกี่หน... ก็เจองานหนักกันทุกรอบเลยนะ♪


เอย์จิ: อื้ม แข็งขันกันดีจังเลยนะ ได้คู่ต่อสู้แบบนี้ผมก็พอใจแล้วล่ะ♪

งั้นผมเองก็พยายาม ในระดับที่ยังคิดถึงเรื่องสุขภาพ... ให้ไม่กระทบกิจกรรมของ fine สักหน่อยดีไหมนะ?


คุโร่: ว่าไปแล้ว เทนโชอิน แกนี่ดูดี๊ด๊าแบบพยายามเก็บอาการที่สุดแล้วนะ

ทำเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่... ไอ้ชื่อเห่ยๆ อย่าง "ไนท์คิลเลอร์" เอง แกก็เป็นต้นคิดใช่ไหมล่ะ?


เอย์จิ: เห่ยเหรอ? เรื่องนั้นต่างคนต่างมุมมองนะ คิริวคุง

ฮุๆ ในเชิงอิมเมจแล้วมาจาก night cruise น่ะ... การที่ผู้เป็นราชาแอบลอบขึ้นเรือที่แม่น้ำกลางค่ำคืน

แล้วออกไปเที่ยวเล่นไงล่ะ ลึกซึ้งไปเลยเลยใช่ไหม?


คุโร่: จะว่าลึกซึ้ง มันก็แค่มุกเล่นคำไม่ใช่เหรอ... ถึงจะมีความหมายว่า จะฆ่า Knights ให้เหี้ยนอยู่ด้วยก็เหอะ

งี่เง่าชะมัด ทำตัวเหมือนเด็กที่ตื่นเต้นตาเป็นประกายเลยนะ?

อย่างที่นายท่านฮาสึมิว่าเอาไว้เลย ที่ว่ามีความเป็นเด็กอยู่เต็มเปี่ยมน่ะ มันก็ฟังดูดีอยู่หรอก

แกเอง ก็มีด้านที่เป็นเด็กซุกซนขัดกับฉายาที่ดูเข้มงวดอย่าง "จักรพรรดิ" อยู่เหมือนกันเหรอเนี่ย?


เอย์จิ: "จักรพรรดิ" ก็เป็นของแบบนั้นล่ะ คิริวคุง ก็แค่เด็กเอาแต่ใจ ที่มีอำนาจเฉยๆ เท่านั้นเอง...

ฮุๆๆ ถึงจะรู้สึกสนใจก็เถอะนะ ว่าเคย์โตะแสดงความเห็นเกี่ยวกับผมไว้ว่ายังไง♪

ส่วนตัวผมเองตั้งใจว่าที่มาเข้าร่วมศึก ก็เพื่อฉลองให้กับการกลับมาของสึกินากะคุงในครั้งนี้เฉยๆ

โรงเรียนยูเมะโนะซากิที่ไม่มีเธอมันเหงามากเลยนะ "ราชา" คุง?


เลโอ: ยังไงกันน้า~ ไม่นึกว่าท่าน "จักรพรรดิ" ผู้ยิ่งใหญ่ จะมาจดจำอะไรคนอย่างฉันหรอกนะ

ผิดคาดเลยนะที่ถูกใจกันขนาดนั้น~ ทั้งที่ทำกันไว้เจ็บแสบน่าดูแท้ๆ?


เอย์จิ: ความเจ็บปวดเองก็เป็นความรื่นรมณ์ชนิดหนึ่งนะ สึกินากะคุง พอดีว่าที่บัลลังค์มันออกจะน่าเบื่อไปหน่อย ทำให้แม้แต่ศัตรูที่ดาหน้าเข้ามาหลายครั้งหลายคราก็เลยดูน่ารักขึ้นมาไงล่ะ


เลโอ: งั้นเหรอ โทษทีนะที่ทำให้เบื่อน่ะ~ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่...

สิ่งที่จะพังก่อนเป็นอันดับแรกก็คือของเล่นไม่ใช่หรือไง ถึงจะเจ็บใจก็จริง แต่ฉันเองก็เคยเป็นของเล่นของแกเหมือนกันสินะ?

แต่ว่า ถึงจะยังไม่ได้ฟังละเอียดๆ ก็เหอะ แต่เห็นว่านายตีกับเจ้าพวกที่ชื่อ Trickstar มาใช่ไหมล่ะ?

ถึงไม่มีฉันอยู่ ก็ไม่ได้เบื่ออะไรไม่ใช่หรือไง?


เอย์จิ: อืม~ ตั้งแต่ตอนที่เธอกับ "ห้าประหลาด" ไม่มาเล่นด้วย จนถึงตอนที่ Trickstar โผล่มาเนี่ย มันก็เว้นช่วงนานพอดูเลยนะ...

ผมล่ะเบื๊อเบื่อจนแทบจะตายอยู่แล้วล่ะ

เพราะงั้น ช่วงนี้ก็เลยมีความสุข หนำใจมากเลยล่ะ สึกินากะคุงเองก็กลับมาอีกครั้งแล้วด้วย...

ท่าทางจะไม่ต้องทนเบื่ออย่างเดียวจนเรียนจบแล้วสิ♪

คราวนี้ ก็ยังมาช่วยทำให้ผมสนุกได้แบบนี้อีก เธอนี่เป็นศัตรูคู่แค้นที่หาตัวจับยากจริงๆ เลย

"ไนท์คิลเลอร์" เหรอ... ไม่เคยจินตนาการถึงตัวเองแบบอื่นนอกจาก fine ก็จริง

แต่รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลยนะ ว่าชีวิตแบบนี้เองก็อาจจะมีอยู่ด้วยเหมือนกัน ชักจะเริ่มเข้าใจเหตุผลที่วาตารุรักการแสดงขึ้นมาเสี้ยวนึงแล้วล่ะ♪


เลโอ: เต็มอิ่มเชียวนะ~... จะว่าไป ถึงจะป่านนี้แล้วก็เถอะ

ฉันได้ยินเรื่องมาแค่ครึ่งเดียวก็จริง ว่าแต่นายแพ้ให้กับเจ้าพวกที่ชื่อ Trickstar จริงๆ น่ะเหรอ?

ดูท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมขึ้นมาเลยนะ?

ว้ายๆ~ หมาขี้แพ้! พอจะสาวเท้าเหยียบบัลลังค์ ก็ลื่นล้มหน้าคะมำจูบพื้นเลยสินะ!

จะทุเรศกินไปแล้ว วะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า


เอย์จิ: ที่ผมแพ้มันก็เรื่องจริงนี่นา แถมคิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเสียด้วยซ้ำ แต่พอถูกพูดแบบนั้นเข้า ก็ทำเอาฉุนขึ้นมานิดๆ เหมือนกันนะเนี่ย


อิซึมิ: ประทานโทษนะ? เลิกคุยเจ๊าะแจ๊ะกันสักที ถ้าจะเริ่มก็รีบๆ เข้า ยังไงซะ พวกเรา Knights ก็ชนะอยู่ดีล่ะนะ?

ทางฝั่งนี้ฉันกับนารุคุงจะเป็นฝ่ายออกตัวก่อน ฝั่งนั้นจะลงสนามพร้อมกันทีหมดสี่คนแต่แรกนี่มันจะดีเร้อ?

แต่ถึงจะทุ่มด้วยกำลังทั้งหมดไป... แค่พวกเราก็บี้ให้เละได้ สบายบรื๋ออยู่แล้ว♪


เอย์จิ: ฮุๆ อย่าทำเป็นข่มไปเลยน่า น่าเอ็นดูจริง...

ทางฝั่งเราจะส่งนิโตะคุงกับคิริวคุงออกไปก่อน วางแผนกันแบบนั้นใช่ไหม สึกินากะคุง?


เลโอ: เฮ้ๆ คราวนี้ฉันเป็น "ราชา" นะ

อย่ามาแย่งอำนาจกันสิ~ นายชักจะชินกับการอยู่บนที่สูงเกินไปหน่อยแล้วล่ะมั้ง?

แต่ก็ ที่ช่วยพูดแทนให้ก็สะดวกดีเหมือนกันนะ

อย่างที่เจ้า "จักรพรรดิ" บ้องตื้นว่า ฝั่งเราจะส่งคุโระกับนาซึออกไปก่อน เป็นการตัดสินอย่างยุติธรรม สองต่อสองไงล่ะ

หวังพึ่งอยู่นะ พวกนาย♪


นาซึนะ: โอเค~ ถ้างั้น ไปสนุกกันเถอะคุโระจิน♪


คุโร่: โอ้ ถึงการร่วมทีมกับพวกขี้โอ่อย่าง "จักรพรรดิ" บ้างล่ะ "ราชา" บ้างล่ะ จะน่ารำคาญอยู่ก็เถอะ

แต่ถ้ามีนิโตะเป็นพวกล่ะก็ ทางนี้เองก็สบายแล้วล่ะ...♪


อิซึมิ: สองต่อสองสินะ จัดจำนวนให้เท่ากันแบบนี้ จะอวดเก่งเกินไปหน่อยแล้วมั้ง?

ถ้ามาแพ้ในประเพณีของ Knights ล่ะก็คงขายหน้าแย่ มาเอาจริงกันเถอะ... นารุคุง?


อาราชิ: จ้าๆ จะตามไปด้วยอยู่แล้วล่ะ ไม่ว่าเมื่อไหร่ตามนะ

...คืนนี้เอง ก็มาร่ายรำอย่างสง่างามกันเถอะ♪

ก่อกบฎ! การเสด็จกลับของราชา - สังหารอัศวิน/ตอนที่ 3


(ณ เวทีจั๊จเมนท์)

อิซึมิ: ห๋า? ท่าทางลำพองใจเสียเต็มประดาเลยนะ "ราชา"

แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ถึงจะเป็นกลุ่มที่รวมตัวกันแบบขอไปที นี่มันก็ออกจะเลวร้ายเกินไปหน่อยล่ะมั้ง...?


อาราชิ: นั่นสินะ ท่าจะแย่แล้วสิ

พวกเรา [Knights] เองก็มั่นใจอยู่นะ ว่าถ้าเราทุกคนรวมกันล่ะก็เทียบได้กับทหารนับพันเลย แล้วหากแยกรายบุคคล ก็ถือว่าหาตัวจับยากแม้แต่ในโรงเรียนนี้ด้วยซ้ำ...?

แต่ว่าเรื่องนั้น "ไนท์คิลเลอร์" เองก็เหมือนกัน...

ไม่สิ ถ้าเป็นความสามารถรายบุคคลเลยล่ะก็ อาจจะเหนือยิ่งกว่าพวกเราเสียด้วยซ้ำ ก็ทุกคนอยู่ปีสามกันหมดเลยนี่นา ทั้งประสบการณ์ทั้งฝีมือ มันผิดกันอยู่แล้ว

(ทุกคนล้วนเป็นลีดเดอร์ของยูนิตที่ทรงพลังอันเป็นความภาคภูมิใจของโรงเรียนยูเมะโนะซากิ... หรือไม่ก็เป็นผู้ที่มีความสามารถเทียบเคียง)

(จะเป็นทีมที่หรูเกินไปหน่อยแล้ว เรียกว่ารวมออลสตาร์ได้เลยมั้ง?)


เลโอ: หือ? เป็นอะไรไปนารุ จ้องเขม็งเชียว? นายตัวสูงออกขนาดนั้น ทำเอารู้สึกเหมือนโดนมองเหยียดจนฉุนขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ!

ฉันจินตนาการไปเองเหรอ? ฉันล่ะชอบจินตนาการสุดๆ ไปเลยล่ะ วะฮ่าฮ่าฮ่า 

มีสมาธิกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้าหน่อย~ นารุ ยังไงซะ ฉันก็ไม่น่าจะได้ออกโรงจนถึงท้ายที่สุดด้วยนี่นา?

แต่ถ้าเกิดอดใจไม่ไหวขึ้นมาก็กะจะกระโจนเข้าไปร่วมวงอยู่เหมือนกันนะ แบบไม่คิดหน้าคิดหลังเลย


อาราชิ: (ลีดเดอร์ของ Knights สึกินากะ เลโอ)


นาซึนะ: จะร่าเริงมันก็ดีอยู่หรอกนะ~ เลโอจิน เดี๋ยวจากนี้จะต้องไลฟ์แล้ว ไปอบอุ่นร่างกายเตรียมไว้ก่อนดีกว่าน่า

เอาแต่ตะเบ็งเสียงแบบนั้น เดี๋ยวคอก็แห้งเป็นผงพอดี~?

เอาลูกอมแก้เจ็บคอไหม? ตอนก่อนแสดงจริงทีไร ฉันจะอมไว้ตลอดเลยล่ะ~♪


อาราชิ: (ลีดเดอร์ของ Ra*bits นิโตะ นาซึนะ)


คุโร่: แต่ว่า ในเมื่ออยู่บนเวทีเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นก็หันไปทางผู้ชมเถอะน่า

ไม่ขัดหรอกนะถ้าจะมาสานสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนอะไรกัน

แต่ว่าเพราะ [ดูเอล] ... [จั๊จเมนท์] มันมีกฎพิเศษของมันอยู่ มีโอกาสที่จะตัดสินผลแพ้ชนะได้ภายในชั่วพริบตา

ถ้า "ราชา" ถูกเล่นงานล่ะก็ ทุกอย่างเป็นอันจบ

จะให้เหล่าผู้ชมที่อุตส่าห์มาต้องรีบกลับ มันก็ยังไงๆ อยู่นะ

แต่ถึงจะเป็นมุกตลกฝืดๆ ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยล่ะมั้ง ถึงจะเป็นใบไม้แห้งก็ยังทำให้ภูเขาครึกครื้นไงล่ะ(สำนวนญี่ปุ่น แปลว่าถึงจะน่าเบื่อ แต่ก็ดีกว่าไม่มี)

แต่เอาเป็นว่า การวิวาทก็คือการวิวาท ชักจะเลือดร้อนขึ้นมาแล้วสิ เพราะว่าอาคัตสึกิ ออกจะเป็นแนวชั้นสูงเกินไปหน่อยน่ะนะ

นานๆ ทีก็อยากทะเลาะวิวาทต่อยตีแบบป่าเถื่อนบ้างเหมือนกัน...♪

ไอ้ฉันเองก็ไม่ค่อยได้เจอกับ Knights ซะด้วยสิ ก็เลยตั้งตารออยู่นิดหน่อย

แสดงให้เห็นหน่อยสิว่าไม่ใช่แค่เสือกระดาษน่ะ ไอ้คุณยูนิตสุดแกร่ง?


อาราชิ: (หวา... แรงกดดันมหาศาลเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่ไม่ใช่ลีดเดอร์ของอาคัตสึกิ)

(โรงเรียนเรา จะมีแต่พวกที่เหมือนสัตว์ประหลาดอยู่เยอะเกินไปแล้วนะ!)

(ยอดนักรบที่ถูกขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียน คิริว คุโร่แห่งอาคัตสึกิ แต่ว่า ที่อันตรายที่สุดน่ะ...)

(ตัวเบ้งที่ตอนแรกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่หรอก แต่ไม่นึกเลยว่าจะมาเข้าร่วมด้วยจริงๆ)

(ไม่เอาแล้ว! แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไงล่ะเนี่ย?)

(ชักจะรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ ถ้าเอาชีวิตรอดกลับไปไม่ได้ก็ขอโทษด้วยนะ ริทสึจัง สึคาสะจัง...?)


เอย์จิ: หึๆ ระบบ "ยูนิตจำกัดเวลา" มันก็คือการนำรากฐานของ "ยูนิต" มาเพิ่มความหย่อนยานให้มากขึ้นไงล่ะ

ถึงปกติจะคอยเป็นฝ่ายคุมกฎก็เถอะ แต่นานๆ ทีได้สวมชุดที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะ

วันนี้ต้องฝากออมมือด้วยนะ Knights ทุกคน♪


อาราชิ: (ลีดเดอร์ของ fine...... ไม่สิ ท็อปไอดอลของโรงเรียนยูเมะโนะซากิ)

(ในตอนนี้เองก็ยังได้รับการประเมินว่า "แข็งแกร่งที่สุด" อยู่ไม่เสื่อมคลาย "จักรพรรดิ" เทนโชอิน เอย์จิ!)

(ว่าแต่ว่า มีความสัมพันธ์กันยังไง "ราชา" ถึงเรียกคนแบบนี้มาได้กันล่ะเนี่ย?)

(ยิ่งคิด ก็ยิ่งเป็นทีมที่เลวร้ายที่สุดเลย...)

(แค่มีลีดเดอร์ของแต่ละยูนิตอยู่ตั้งสามคนก็อลังการพอแล้ว คิริวเซ็มไปเอง ถ้านับแค่สมรรถภาพทางกายก็ถือว่าแกร่งที่สุดในโรงเรียนแล้ว)

(ชุดได้คิริวเซ็มไป ส่วนเพลงก็ได้ "ราชา" เป็นคนเตรียมให้)

(แถมเวทีที่ดูหรูหรานี่เอง เพราะเทนโชอินเซ็มไปมากำกับเองก็เลยเสร็จสมบูรณ์อย่างง่ายดายเลยด้วย)

(อำนาจ กำลังทรัพย์ ความสามารถ ทุกสิ่งทุกอย่าง... นี่เป็นการเอาจุดสูงสุดของโรงเรียนยูเมะโนะซากิมารวมไว้ในที่เดียวแล้วไม่ใช่เหรอ?)

(เราจะเอาชนะคนพวกนี้ได้ไหมนะ... ไม่สิ ต้องชนะให้ได้)

(เพราะว่ามีเหล่าเด็กๆ ผู้น่ารัก ที่กำลังรอคอยการกลับไปของพวกเราอยู่นี่นา)

(พวกเราเอง ก็อยากจะเปล่งประกายร่วมกับทุกคนใน Knights ให้มากกว่านี้เหมือนกัน!)

(ถ้าจะต้องมาบอกลากันตรงนี้เฉยๆ ล่ะก็ ขอบายล่ะ!)

Obbligato - ศรัทธาต่อคาเซฮายะ ทัตสึมิ/ตอนที่ 4

  <เวลาเดียวกัน ห้องโหลยโท่ยของโรงเรียนเรย์เมย์> ทัตสึมิ: ーครับ เท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คานาเมะ: ......... ทัตสึมิ: ผมขอให้ทุกคนออกไ...