วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เทศกาลวิวาทะ - อนิจจัง/ตอนที่ 2

 

(ณ เวทีเทศกาลวิวาทะ)

เอย์จิ: คืนวันผ่านไป อาการป่วยค่อยๆกันกินไปยันหัวใจของผม... สุดท้ายก็ใช้ชีวิตอย่างเงียบเหงาด้วยการขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ฟังเพลงของวากเนอร์ซ้ำไปซ้ำมา

ผมควรจะสิ้นใจอยู่ในโคลนตมไปทั้งอย่างนั้นโดยไร้การช่วยเหลือ เฉกเช่นละครของเชคสเปียร์แล้ว

โดยที่ไม่ได้รับความอบอุ่น หรือสิ่งสำคัญเลยแม้แต่อย่างเดียว

แต่ว่านะ ผมก็ได้พบกับเคย์โตะ เพราะว่าตระกูลของผมมีแต่คนอายุสั้นน่ะนะ...

ตอนที่ปู่ทวดเสีย เคย์โตะก็ติดสอยห้อยตามมากับพระที่มาทำพิธีศพด้วย

เหมือนว่าตระกูลของผมกับเคย์โตะจะใกล้ชิดกันมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้วน่ะ พอมีใครเสียแล้วมีพิธีศพ เคย์โตะก็จะมาด้วย

เหมือนเป็นยมทูตตัวน้อยที่น่ารักน่าชังเลยล่ะ

ภาพลักษณ์ของเคย์โตะในวัยเด็กนั้น ห่อหุ้มไปด้วยเค้าลางแห่งความตาย

ทั้งกลิ่นควันธูป เสียงบทสวด เสียงไม้เคาะ ผู้คนที่กำลังร่ำไห้ และความมืดมิด...

เหมือนว่าเวลามีงานศพ เคย์โตะก็จะคอยช่วยงานครอบครัวด้วยน่ะ เขาเองก็เติบโตขึ้นโดยที่ใกล้ชิดกับความตายในความหมายที่ต่างไปจากผมเหมือนกัน

เพราะงั้น เคย์โตะถึงได้เห็นใจ และไม่ปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นคนพิเศษ

ถึงจะบุ่มบ่ามไปบ้างแต่เราก็ได้สนิทกัน... ชอบพูดคุยกันสนุกปากเลยล่ะ ว่างานศพของผมจะทำออกมาเป็นรูปแบบไหนดี

มาสร้างเป็นพีระมิดกันเลยเถอะ อะไรแบบนี้น่ะ♪

สุดท้ายเคย์โตะก็มาเล่นด้วยกันเป็นประจำ โดยไม่เกี่ยงว่าจะมีงานศพหรือเปล่าแล้ว

บ้านเราก็อยู่ใกล้กันด้วย เวลาผมเบื่อๆทีไรก็จะเรียกเคย์โตะให้มาหา

อายุก็เท่ากัน เป็นเด็กเหมือนกันด้วย... เคย์โตะก็เลยถูกลากให้มาเป็นเพื่อนเล่นผมตลอด

อย่างเวลาที่พ่อแม่ยุ่งกับงานสังคม ก็เลยไม่อยู่ด้วยน่ะ

ที่จริง บ้านผมเองก็คิดว่าผมเป็นตัวภาระเหมือนกัน ก็เลยเหมือนโดนผลักไสไล่ส่งให้มาช่วยดูแลน่ะ

ผมเอง ก็ยอมให้เคย์โตะเป็นคนเดียวที่คอยอยู่ข้างๆได้

เคย์โตะในตอนนั้นน่ะ ทั้งหัวแข็งขี้บ่นกว่าตอนนี้เยอะ เป็นเด็กเปรตที่เอาแต่พูดจาวางก้ามเลยล่ะ...

ตอนที่ผมดื้อหรือพูดจาเอาแต่ใจ ก็จะดุเป็นยักษ์เลย

ให้ตายสิ ไม่มีผ่อนปรนกันบ้างเลย น่ากลัวสุดๆซะจนตอนนี้เองก็ยังฝันถึงอยู่เลย

คงเพราะตอนนั้นยังเป็นเด็กก็เลยไม่รู้น่ะสิ ว่าตระกูลเท็นโชอินทรงอิทธิพลถึงขนาดไหน

เพราะแบบนั้นล่ะ พวกเราถึงได้เป็นเพื่อนกันโดยไร้ความเกรงใจหรือความกังวลอะไร

ทั้งที่ปกติชอบเอาแต่มาเทศน์กันแท้ๆ แต่พอผมร่างกายทรุดจนต้องนอนซมทีไร เขาก็จะคอยยืนเฝ้าอยู่ข้างๆเตียงโดยไม่ทันได้รู้ตัวเลย

ทั้งอ่านหนังสือบ้าง รับฟังเรื่องเล่าเพ้อฝันของผมบ้าง

น่าตื่นเต้นจังเลยนะ... รู้หรือเปล่า เคย์โตะอยากจะเป็นนักเขียนการ์ตูนมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วล่ะ

ก็เลยวาดรูปมาให้บ่อยๆ ทั้งหมดนั่นเป็นสมบัติล้ำค่าของผมเลย

แต่ว่า คืนวันที่เคยสงบและแสนสุขก็จบสิ้นลง พวกเราได้เติบโต และรับรู้ถึงความเป็นจริง

ผมก็เชื่อฟังพ่อแม่ แล้วเข้ามาเรียนในโรงเรียนยูเมะโนะซากิ

ในฐานะของบุตรชายผู้สืบทอดตระกูลเท็นโชอิน ที่ปกครองวงการบันเทิงน่ะนะ

ผมเองก็ต้องนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยบ่อยๆ พอดูทีวีแล้ว... ก็เลยหลงไหลในไอดอลน่ะ

ที่เกินคาดก็คือเคย์โตะตามผมมาด้วยนี่ล่ะ ตอนที่ได้เจอกันในพิธีปฐมนิเทศเนี่ย ทำเอาใจหายใจคว้ำหมดเลย

เคย์โตะ อยากจะเป็นนักเขียนการ์ตูนให้ได้นี่นา

ทั้งการ์ตูน ทั้งไอดอล ต่างก็ทำให้ผู้คนสนุกสนานได้เหมือนกัน ถึงเคย์โตะจะพูดจาไม่สมเหตุสมผลและไม่สมกับเป็นตัวเขาแบบนั้นก็เถอะ

บางทีคงจะเป็นห่วงผมนั่นล่ะ ที่จริงแล้ว... ตัวผมที่ขี้โรคและหัวอ่อน ก็ได้เคย์โตะคอยช่วยชี้แนะ สนับสนุนอยู่บ่อยๆ

เพราะเคย์โตะ ถึงทำให้ผมกลายเป็น "จักรพรรดิ" ที่ปกครองโรงเรียนยูเมะโนะซากินี้ได้

ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นเลยแท้ๆ เอาแต่ทำในสิ่งที่ผมไม่ได้ต้องการให้ทำอยู่เรื่อยเลย

เพื่อนสมัยเด็กผู้ดื้อด้าน ไร้ความอ่อนโยน หน้าตาบึ้งตึงคนนั้นเนี่ย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Obbligato - ศรัทธาต่อคาเซฮายะ ทัตสึมิ/ตอนที่ 4

  <เวลาเดียวกัน ห้องโหลยโท่ยของโรงเรียนเรย์เมย์> ทัตสึมิ: ーครับ เท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คานาเมะ: ......... ทัตสึมิ: ผมขอให้ทุกคนออกไ...