วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Circus - Elegant/ตอนที่ 2

 

(ณ ห้องโสต)

เอย์จิ: แต่ก็เห็นด้วยที่ว่าอยากจะให้เงียบๆหน่อยนะ มันเสียสมาธิน่ะ

อยากจะมีสมาธิอยู่กับวิดีโอซักหน่อย

นี่วาตารุ ไม่ต้องถึงกับปิดปากเงียบก็ได้นะ แต่ว่าพอจะช่วยลดเสียงลงหน่อยได้หรือเปล่า...?


วาตารุ: โฮะโฮ่ นั่นเป็นการสั่งผมให้ "ตาย" อย่างงั้นหรือครับ?


เคย์โตะ: ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยตายๆไปทีเถอะ ยังไงอย่างแกถึงฆ่าไปก็ไม่น่าจะตายอยู่แล้วนี่ ...แล้วที่บอกว่าวิดีโอนี่ เอย์จิกำลังดูอะไรอยู่กันล่ะ?


เอย์จิ: เพิ่งจะมาถามเอาป่านนี้เหรอเนี่ย เอาเป็นว่า ตอนนี้ผมกำลังตรวจสอบเอกสารวิดีโอที่เก็บเอาไว้ในห้องโสตนี้อยู่น่ะ

เช็ควิดีโอที่เกี่ยวกับเซอคัส กายกรรม มายากล... ไม่ให้ขาดแม้แต่อันเดียวน่ะ

เพื่อเซอคัสที่กำลังจะมาถึง ผมก็เลยมาวิเคราะห์วิดีโอพวกนี้ และจดจำ ลอกเลียนและซึมซับให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นทีละอย่าง ทีละอย่างไป

นี่เป็นการฝึกซ้อมสำหรับเซอคัส ในแบบของผมไงล่ะ

"แม้แค่นั่งเรียนอย่างเดียวจะไม่เข้าใจก็จริง แต่ถ้าได้ดูวิดีโอล่ะก็จะทำได้ขึ้นมา"... คำพูดแบบนั้น มันก็แค่ภาพลวงตาเท่านั้นล่ะ

ถ้าเป็นเคย์โตะที่ใจร้ายก็อาจจะพูดแบบนั้น แต่นี่ล่ะถือวิธีการของผม

ในตอนที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลไปนาน ที่บางวันไม่มีแรงแม้แต่จะยกช้อนก็ไม่น่าแปลกเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นผมก็เลยคอยดูวิดีโออยู่ตลอดทุกวัน

วนดูซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบล้านครั้ง ดั่งเฝ้ามองความฝัน...♪

เหมือนเป็นการชกลมนั่นล่ะ ที่แล้วจดจำวิดีโอเอาไว้ในสมองจินตนาการขึ้นมา

ผมโชคดีมากเลยล่ะที่ทำแบบนั้นได้ แล้วก็ยังทวนสิ่งที่จดจำเอาไว้ในสมองให้ฉายซ้ำได้อีกด้วย

แน่นอนว่าการจะทำให้ฉายซ้ำอย่างสมบูรณ์แบบได้นั้น จำเป็นต้องมีการฝึกฝน แต่ก็ทำให้เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆได้มากกว่าการเริ่มโดยที่ไม่รู้อะไรเลยน่ะนะ

การลดเวลาที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ก็เป็นการลดภาระให้ร่างกายที่อ่อนแอของผมด้วย

ผมค่อยๆใช้วิธีนี้ เรียนรู้ทักษะ ความสามารถไปทีละอย่างๆ

และในครั้งนี้ก็คือเซอคัสไงล่ะ เมื่อได้เรียนรู้ ซึมซับในสิ่งที่ตนไม่รู้แล้ว ผมก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก แค่คิดแบบนั้นก็ตื่นเต้นแล้วล่ะ

สนุกมากเลย... ความรู้สึกที่คืบคลานขึ้นมาจากก้นบึ้งนี้ เป็นความรู้สึกที่ผมหลงลืมไปนานแล้วล่ะ

ถ้ามัวแต่นั่งบนบัลลังค์อย่างเดียวล่ะก็น่าเบื่อแย่น่ะสิ ไปออกเดินทัพ รุกราน และคว้าชัยชนะมาดีกว่า♪


วาตารุ: Amazing☆ สมกับเป็นจักรพรรดิ สมกับเป็นการปกครองจริงๆเลยครับ! เพียงแค่องค์จักพรรดิของพวกเราประทับอยู่บนบัลลังค์ แล้วออกคำสั่งกับพวกเราก็เพียงพอแล้วล่ะครับ!

เพียงเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นชัยชนะของพวกเราแล้ว!

แม้กระผมจะมั่นใจในฝีมือการลอกเลียนแบบของตนเอง แต่หากเทียบกันแล้วฝ่าบาทนั้นช่างมีความสามารถเหนือกว่านัก!

ช่างยอดเยี่ยม ควรค่าแก่การให้ผมผู้นี้รับใช้เหลือเกิน...☆


เอย์จิ: อย่างที่บอกกับยูซึรุไปนั่นล่ะ แต่อย่าเรียกกันว่าฝ่าบาทองค์จักรพรรดิได้หรือเปล่า ทักษะแบบนี้น่ะ...  ก็เป็นเพียงกลอุบายให้คนอ่อนแอเช่นผม ป้องกันตัวเองจากผู้ที่แข็งแกร่งได้เท่านั้นล่ะ

เดิมที่คนอ่อนแออย่างผม แค่วิ่งในระยะทางเท่ากัน ก็ต้องพยายามให้มากกว่าคนปกติถึงสองสามเท่าอยู่แล้วล่ะ

หากรู้เขารู้เราแล้วล่ะก็ แม้แต่เต่าก็เอาชนะกระต่ายได้...♪

แต่ว่าคำอย่าง "ท็อปไอดอล" หรือ "จักรพรรดิ" นั้น ก็เป็นเหมือนทัณฑ์สวรรค์สำหรับผู้หยิ่งผยองเช่นผม เต่าที่ละเลยความพยายามน่ะ เอาชนะใครไม่ได้หรอก

ผมไม่คิดจะภูมิใจกับมันอีกแล้วล่ะ

และจะไม่ประมาทด้วย ผมจะกลับมาเบ่งบานอยู่บนจุดสูงสุด และไม่ยอมให้ใครได้อยู่ตรงจุดนั้นอีกแล้ว

คงจะคอยช่วยสนับสนุนกันใช่ไหม... เคย์โตะ? วาตารุ? ยูซึรุ?


ยูซึรุ: ครับ นับตั้งแต่วินาทีที่เข้ามาอยู่ใน fine ชีวิตของกระผมก็เป็นของๆท่าน โปรดใช้งานกระผมอย่างเต็มที่ ในฐานะรากฐานการปกครองของท่านเถอะครับ


เอย์จิ: อืม แต่ว่า ช่วยอย่าบอกโทริผู้น่ารักได้หรือเปล่าว่าผมต้องพยายามอย่างน่าสมเพชแบบนี้ ผมอยากจะดูดีต่อหน้าเด็กคนนั้นหน่อยน่ะ

ผมอยากจะเป็นวีรบุรุษที่เด็กคนนั้นหลงไหล เป็นผู้ที่เดินหน้าปกครองได้อย่างสบายใจ อย่างน้อย ก็ต่อหน้าเด็กคนนั้นน่ะนะ

ผมจะเป็นความหวัง เพื่อไม่ให้เด็กที่ยังมีอนาคตคนนั้น ต้องท้อถอยเอง

ไม่สิ เป็นดวงตะวันต่างหากล่ะ คือไอดอล เพราะสิ่งที่ให้ความหวังกับผมที่ต้องอยู่ในห้องผู้ป่วยอันมืดมิดเมื่อนานมาแล้วนั้น ก็คือไอดอลในทีวี คือดวงตะวันที่ส่องประกายโชติช่วงอยู่ภายนอกของหน้าต่างนี่นา

โทริเองก็กำลังพยายามอยู่ เพราะงั้นผมเองก็ต้องพยายามเพื่อไม่ให้เขาต้องผิดหวังเหมือนกัน

ถ้าหากเผลอล้มไม่เป็นท่าขึ้นมาล่ะก็ หวังว่าพวกเธอจะช่วยจับมือผมเอาไว้นะ


วาตารุ: แน่นอนครับ! นักเดินทางผู้โง่เขลาและทรงเกียรติที่พยายามคืบคลานขึ้นมาจากสนามทรายและไขว่ขว้าหาดวงอาทิตย์อย่างสุดชีวิตเอ๋ย!

ฮิบิกิ วาตารุผู้นี้ จะคอยเฝ้ามองรอยเท้าของคุณตลอดไปเองครับ...☆


เคย์โตะ: อย่าฝืนตัวเองนักล่ะ โชคดีนะที่ช่วงนี้พวกฉันอาคัตสึกิไม่มีกำหนดการออกดรีมเฟสพอดี เรื่องงานของสภานักเรียนฉันจะจัดการเอง

แกน่ะ ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำไปเถอะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจเอาที่หลัง

เพราะว่านายต้องอดทนใน "สิ่งที่ตัวเองอยากทำ" อยู่บนเตียงโรงพยาบาลมาตลอดเลยนี่นา

ในตอนนี้ที่แกได้ขึ้นเวทีอีกครั้งนั้น ถึงจะเจอปัญหาอะไรก็ลองฝ่าฟันมันไปให้ได้ดูสิ ฉันจะคอยช่วยเปิดทางให้เอง ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฉันก็เป็นมือขวาของแกนั่นล่ะ


เอย์จิ: ...ขอบใจมากนะ น้ำตาจะไหลอยู่แล้วล่ะ

ตั้งแต่ที่ผมได้ขึ้นมายืนบนจุดสูงสุด ก็เอาแต่หวาดกลัวว่าจะล้มจนตกลงไปตลอด

ทั้งที่หากมองไปรอบๆ ก็จะพบกับเพื่อนพ้องที่แสนวิเศษขนาดนี้แท้ๆ แต่กลับทำตัวโดดเดี่ยวโดยไม่พึ่งพาเสียได้

ผมเสียใจมากเลยล่ะ ไม่สิ ตระหนักรู้แล้วล่ะว่าคราวนี้จะรักษามันเอาไว้ให้ได้ ตัวผมในตอนนี้นั้น ไม่มีคำว่า "พ่ายแพ้" "ล้มเหลว" หรือ "เป็นไปไม่ได้" อีกแล้ว

มาขับขานเรื่องราวของพวกเรากันเถอะ ให้มันดังกึกก้องไปทั่วทั้งโลกใบนี้... เอนเซมเบิลของพวกเราน่ะ

มาลบล้างประกายแสงกระจ้อยร่อยของ Trickstar ไปให้หมด และทวงคืนแสงอาทิตย์กลับมาสู่โรงเรียนยูเมะโนะซากิที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดมาช้านานกันเถอะ

หึหึหึ ชักจะคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วสิ...♪

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Obbligato - ศรัทธาต่อคาเซฮายะ ทัตสึมิ/ตอนที่ 4

  <เวลาเดียวกัน ห้องโหลยโท่ยของโรงเรียนเรย์เมย์> ทัตสึมิ: ーครับ เท่านี้ก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คานาเมะ: ......... ทัตสึมิ: ผมขอให้ทุกคนออกไ...