(ณ ห้องโสต)
เอย์จิ: แต่ก็เห็นด้วยที่ว่าอยากจะให้เงียบๆหน่อยนะ มันเสียสมาธิน่ะ
อยากจะมีสมาธิอยู่กับวิดีโอซักหน่อย
นี่วาตารุ ไม่ต้องถึงกับปิดปากเงียบก็ได้นะ แต่ว่าพอจะช่วยลดเสียงลงหน่อยได้หรือเปล่า...?
วาตารุ: โฮะโฮ่ นั่นเป็นการสั่งผมให้ "ตาย" อย่างงั้นหรือครับ?
เคย์โตะ: ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยตายๆไปทีเถอะ ยังไงอย่างแกถึงฆ่าไปก็ไม่น่าจะตายอยู่แล้วนี่ ...แล้วที่บอกว่าวิดีโอนี่ เอย์จิกำลังดูอะไรอยู่กันล่ะ?
เอย์จิ: เพิ่งจะมาถามเอาป่านนี้เหรอเนี่ย เอาเป็นว่า ตอนนี้ผมกำลังตรวจสอบเอกสารวิดีโอที่เก็บเอาไว้ในห้องโสตนี้อยู่น่ะ
เช็ควิดีโอที่เกี่ยวกับเซอคัส กายกรรม มายากล... ไม่ให้ขาดแม้แต่อันเดียวน่ะ
เพื่อเซอคัสที่กำลังจะมาถึง ผมก็เลยมาวิเคราะห์วิดีโอพวกนี้ และจดจำ ลอกเลียนและซึมซับให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นทีละอย่าง ทีละอย่างไป
นี่เป็นการฝึกซ้อมสำหรับเซอคัส ในแบบของผมไงล่ะ
"แม้แค่นั่งเรียนอย่างเดียวจะไม่เข้าใจก็จริง แต่ถ้าได้ดูวิดีโอล่ะก็จะทำได้ขึ้นมา"... คำพูดแบบนั้น มันก็แค่ภาพลวงตาเท่านั้นล่ะ
ถ้าเป็นเคย์โตะที่ใจร้ายก็อาจจะพูดแบบนั้น แต่นี่ล่ะถือวิธีการของผม
ในตอนที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลไปนาน ที่บางวันไม่มีแรงแม้แต่จะยกช้อนก็ไม่น่าแปลกเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นผมก็เลยคอยดูวิดีโออยู่ตลอดทุกวัน
วนดูซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบล้านครั้ง ดั่งเฝ้ามองความฝัน...♪
เหมือนเป็นการชกลมนั่นล่ะ ที่แล้วจดจำวิดีโอเอาไว้ในสมองจินตนาการขึ้นมา
ผมโชคดีมากเลยล่ะที่ทำแบบนั้นได้ แล้วก็ยังทวนสิ่งที่จดจำเอาไว้ในสมองให้ฉายซ้ำได้อีกด้วย
แน่นอนว่าการจะทำให้ฉายซ้ำอย่างสมบูรณ์แบบได้นั้น จำเป็นต้องมีการฝึกฝน แต่ก็ทำให้เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆได้มากกว่าการเริ่มโดยที่ไม่รู้อะไรเลยน่ะนะ
การลดเวลาที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย ก็เป็นการลดภาระให้ร่างกายที่อ่อนแอของผมด้วย
ผมค่อยๆใช้วิธีนี้ เรียนรู้ทักษะ ความสามารถไปทีละอย่างๆ
และในครั้งนี้ก็คือเซอคัสไงล่ะ เมื่อได้เรียนรู้ ซึมซับในสิ่งที่ตนไม่รู้แล้ว ผมก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก แค่คิดแบบนั้นก็ตื่นเต้นแล้วล่ะ
สนุกมากเลย... ความรู้สึกที่คืบคลานขึ้นมาจากก้นบึ้งนี้ เป็นความรู้สึกที่ผมหลงลืมไปนานแล้วล่ะ
ถ้ามัวแต่นั่งบนบัลลังค์อย่างเดียวล่ะก็น่าเบื่อแย่น่ะสิ ไปออกเดินทัพ รุกราน และคว้าชัยชนะมาดีกว่า♪
วาตารุ: Amazing☆ สมกับเป็นจักรพรรดิ สมกับเป็นการปกครองจริงๆเลยครับ! เพียงแค่องค์จักพรรดิของพวกเราประทับอยู่บนบัลลังค์ แล้วออกคำสั่งกับพวกเราก็เพียงพอแล้วล่ะครับ!
เพียงเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นชัยชนะของพวกเราแล้ว!
แม้กระผมจะมั่นใจในฝีมือการลอกเลียนแบบของตนเอง แต่หากเทียบกันแล้วฝ่าบาทนั้นช่างมีความสามารถเหนือกว่านัก!
ช่างยอดเยี่ยม ควรค่าแก่การให้ผมผู้นี้รับใช้เหลือเกิน...☆
เอย์จิ: อย่างที่บอกกับยูซึรุไปนั่นล่ะ แต่อย่าเรียกกันว่าฝ่าบาทองค์จักรพรรดิได้หรือเปล่า ทักษะแบบนี้น่ะ... ก็เป็นเพียงกลอุบายให้คนอ่อนแอเช่นผม ป้องกันตัวเองจากผู้ที่แข็งแกร่งได้เท่านั้นล่ะ
เดิมที่คนอ่อนแออย่างผม แค่วิ่งในระยะทางเท่ากัน ก็ต้องพยายามให้มากกว่าคนปกติถึงสองสามเท่าอยู่แล้วล่ะ
หากรู้เขารู้เราแล้วล่ะก็ แม้แต่เต่าก็เอาชนะกระต่ายได้...♪
แต่ว่าคำอย่าง "ท็อปไอดอล" หรือ "จักรพรรดิ" นั้น ก็เป็นเหมือนทัณฑ์สวรรค์สำหรับผู้หยิ่งผยองเช่นผม เต่าที่ละเลยความพยายามน่ะ เอาชนะใครไม่ได้หรอก
ผมไม่คิดจะภูมิใจกับมันอีกแล้วล่ะ
และจะไม่ประมาทด้วย ผมจะกลับมาเบ่งบานอยู่บนจุดสูงสุด และไม่ยอมให้ใครได้อยู่ตรงจุดนั้นอีกแล้ว
คงจะคอยช่วยสนับสนุนกันใช่ไหม... เคย์โตะ? วาตารุ? ยูซึรุ?
ยูซึรุ: ครับ นับตั้งแต่วินาทีที่เข้ามาอยู่ใน fine ชีวิตของกระผมก็เป็นของๆท่าน โปรดใช้งานกระผมอย่างเต็มที่ ในฐานะรากฐานการปกครองของท่านเถอะครับ
เอย์จิ: อืม แต่ว่า ช่วยอย่าบอกโทริผู้น่ารักได้หรือเปล่าว่าผมต้องพยายามอย่างน่าสมเพชแบบนี้ ผมอยากจะดูดีต่อหน้าเด็กคนนั้นหน่อยน่ะ
ผมอยากจะเป็นวีรบุรุษที่เด็กคนนั้นหลงไหล เป็นผู้ที่เดินหน้าปกครองได้อย่างสบายใจ อย่างน้อย ก็ต่อหน้าเด็กคนนั้นน่ะนะ
ผมจะเป็นความหวัง เพื่อไม่ให้เด็กที่ยังมีอนาคตคนนั้น ต้องท้อถอยเอง
ไม่สิ เป็นดวงตะวันต่างหากล่ะ คือไอดอล เพราะสิ่งที่ให้ความหวังกับผมที่ต้องอยู่ในห้องผู้ป่วยอันมืดมิดเมื่อนานมาแล้วนั้น ก็คือไอดอลในทีวี คือดวงตะวันที่ส่องประกายโชติช่วงอยู่ภายนอกของหน้าต่างนี่นา
โทริเองก็กำลังพยายามอยู่ เพราะงั้นผมเองก็ต้องพยายามเพื่อไม่ให้เขาต้องผิดหวังเหมือนกัน
ถ้าหากเผลอล้มไม่เป็นท่าขึ้นมาล่ะก็ หวังว่าพวกเธอจะช่วยจับมือผมเอาไว้นะ
วาตารุ: แน่นอนครับ! นักเดินทางผู้โง่เขลาและทรงเกียรติที่พยายามคืบคลานขึ้นมาจากสนามทรายและไขว่ขว้าหาดวงอาทิตย์อย่างสุดชีวิตเอ๋ย!
ฮิบิกิ วาตารุผู้นี้ จะคอยเฝ้ามองรอยเท้าของคุณตลอดไปเองครับ...☆
เคย์โตะ: อย่าฝืนตัวเองนักล่ะ โชคดีนะที่ช่วงนี้พวกฉันอาคัตสึกิไม่มีกำหนดการออกดรีมเฟสพอดี เรื่องงานของสภานักเรียนฉันจะจัดการเอง
แกน่ะ ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำไปเถอะ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจเอาที่หลัง
เพราะว่านายต้องอดทนใน "สิ่งที่ตัวเองอยากทำ" อยู่บนเตียงโรงพยาบาลมาตลอดเลยนี่นา
ในตอนนี้ที่แกได้ขึ้นเวทีอีกครั้งนั้น ถึงจะเจอปัญหาอะไรก็ลองฝ่าฟันมันไปให้ได้ดูสิ ฉันจะคอยช่วยเปิดทางให้เอง ไม่ว่าเมื่อไหร่ ฉันก็เป็นมือขวาของแกนั่นล่ะ
เอย์จิ: ...ขอบใจมากนะ น้ำตาจะไหลอยู่แล้วล่ะ
ตั้งแต่ที่ผมได้ขึ้นมายืนบนจุดสูงสุด ก็เอาแต่หวาดกลัวว่าจะล้มจนตกลงไปตลอด
ทั้งที่หากมองไปรอบๆ ก็จะพบกับเพื่อนพ้องที่แสนวิเศษขนาดนี้แท้ๆ แต่กลับทำตัวโดดเดี่ยวโดยไม่พึ่งพาเสียได้
ผมเสียใจมากเลยล่ะ ไม่สิ ตระหนักรู้แล้วล่ะว่าคราวนี้จะรักษามันเอาไว้ให้ได้ ตัวผมในตอนนี้นั้น ไม่มีคำว่า "พ่ายแพ้" "ล้มเหลว" หรือ "เป็นไปไม่ได้" อีกแล้ว
มาขับขานเรื่องราวของพวกเรากันเถอะ ให้มันดังกึกก้องไปทั่วทั้งโลกใบนี้... เอนเซมเบิลของพวกเราน่ะ
มาลบล้างประกายแสงกระจ้อยร่อยของ Trickstar ไปให้หมด และทวงคืนแสงอาทิตย์กลับมาสู่โรงเรียนยูเมะโนะซากิที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดมาช้านานกันเถอะ
หึหึหึ ชักจะคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วสิ...♪
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น